Saturday, September 24, 2005

Discrete vs Continuous: ฟังก์ชัน เวกเตอร์ และเมตริกซ์

ในตอน Discrete: ฟังก์ชัน เวกเตอร์ และเมตริกซ์ เรารู้ว่าผลคูณเมตริกซ์ ที่แท้ก็คือผลคูณภายในนั่นเอง คราวนี้เราจะมาลองดูว่า ในกรณีของเวกเตอร์ที่มีโดเมนเป็นเซตอนันต์นับไม่ได้ อะไรคือ เมตริกซ์ และ ผลคูณ ของมันกับเวกเตอร์

คิดว่าเมตริกซ์คือฟังก์ชันสองตัวแปรนะ

จากความเดิมในเรื่อง Discrete: ฟังก์ชัน เวกเตอร์ และเมตริกซ์ สมมติว่า มีเวกเตอร์ f และเมตริกซ์ K ผลคูณก็จะเป็น

F = Kf

หรือถ้าคิดที่แต่ละตัวของ F ก็จะได้

F(y) = KT(y) ⋅ f
(KT คือ transpose ของ K นะ)

คราวนี้ ถ้าคิดผลคูณภายใน เราก็จะได้ว่า

F(y) = Σx∈D KT(y, x) f(x)
เมื่อ D คือ โดเมนของ KT(y) กับ f ซึ่งนับได้

แต่ถ้า D เป็นเซตอนันต์ที่นับไม่ได้ เราก็จะได้ว่า

F(y) = ∫x∈D KT(y, x) f(x) dx

ถ้ามองทั้งสองสมการนี้ เป็นการแปลง T ซึ่งแปลงเวกเตอร์จาก f ไปเป็น F เราจะรู้คุณสมบัติที่สำคัญ 2 อย่าง คือ

T(f + g) = T(f) + T(g)
และ T(cf) = cT(f)
(ไม่พิสูจน์ให้ดูนะ มันง่าย)

ซึ่งก็แสดงว่า T เป็นการแปลงเชิงเส้น (ถ้าลืมว่ามันหมายความว่าไง ลองไปดู Transformation: Abstraction & Overview นะ)

เมื่อมองเป็นการแปลง ทั่ว ๆ ไปคนจะนิยมใช้ตัวแปร "t" กับ "s" มากกว่า...

F(s) = Σt∈D KT(s, t) f(t)
F(s) = ∫t∈D KT(s, t) f(t) dt

แล้วก็ D กับ KT(s, t) ที่นิยมใช้กันก็มี...
  • Discrete Fourier Transformation
    → D = Zn, KT(s, t) = e-ist
  • Fourier Series
    → D = [-L, L], KT(s, t) = (1/2L)e-iπst/L
  • Fourier Transformation
    → D = R, KT(s, t) = e-ist
  • Generating Function (Transformation)
    → D = Z+, KT(s, t) = st
  • Z Transformation
    → D = Z+, KT(s, t) = s-t
  • Laplace Transformation
    → D = R+, KT(s, t) = e-st
หมายเหตุ: i = √-1 , R = จำนวนจริง, Z = จำนวนเต็ม, Zn = {0, 1, 2, ..., n - 1}

จริง ๆ มีมากกว่านี้แหละ แต่ยังไม่พูดถึงละกัน

0 Comments:

Post a Comment

<< Home